การสืบค้นสารสนเทศ หมายถึง กระบวนการในการค้นหาสารสนเทศที่ต้องการ โดยใช้เครื่องมือสืบค้นรูปแบบต่างๆ การสืบค้นสารสนเทศ แบ่งออกเป็น 2 วิธี คือ
1. การสืบค้นสารสนเทศด้วยระบบมือ (Manual System) เช่น บัตรรายการ บัตรดรรชนีวารสาร
2. การสืบค้นสารสนเทศด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (Computer System) เป็นการสืบค้นที่สามารถกระทำได้โดยผ่านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ได้แก่ ฐานข้อมูล หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ วารสารอิเล็กทรอนิกส์ และการสืบค้นสารสนเทศบนอินเทอร์เน็ต เป็นต้น ฐานข้อมูล
ความหมาย
ฐานข้อมูล คือ มวลสารสนเทศที่มีเนื้อหาเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กัน เก็บไว้อย่างเป็นระบบ ในสื่อที่ค้นหา และอ่านด้วยคอมพิวเตอร์
ประโยชน์ฐานข้อมูลมีประโยชน์ดังนี้
1. จัดเก็บข้อมูลได้ปริมาณมาก
2. ประหยัดเวลาในการสืบค้นข้อมูล
3. สามารถปรับปรุงข้อมูลในฐานข้อมูลให้ถูกต้อง มีความเป็นปัจจุบัน
4. สามารถเผยแพร่สารสนเทศได้อย่างกว้างขวาง
ประโยชน์ฐานข้อมูลมีประโยชน์ดังนี้
1. จัดเก็บข้อมูลได้ปริมาณมาก
2. ประหยัดเวลาในการสืบค้นข้อมูล
3. สามารถปรับปรุงข้อมูลในฐานข้อมูลให้ถูกต้อง มีความเป็นปัจจุบัน
4. สามารถเผยแพร่สารสนเทศได้อย่างกว้างขวาง
ประเภทของฐานข้อมูล
1. ฐานข้อมูลต้นเรื่อง (Full text Database) มีเนื้อหาเต็มตามเอกสารที่เป็นต้นฉบับ ตัวอย่างเช่น ฐานข้อมูล CHE PDF Dissertation Full Text ( E-Book ของสำนักวิทยบริการ) และฐานข้อมูล ACM Digital Library (Online Database ของสำนักวิทยบริการ )
2. ฐานข้อมูลบรรณานุกรม (Bibliographic Database) มีข้อมูลชื่อเอกสาร และข้อมูลอื่นๆ ที่บ่งชี้ให้เห็นว่าเป็นเอกสารชิ้นนั้น อาจจะมีสาระสังเขป (Abstract) ด้วย ตัวอย่างเช่น ฐานข้อมูลรายการวัสดุสารสนเทศของห้องสมุด ฐานข้อมูล DAO เป็นต้น
3. ธนาคารข้อมูล (Data Bank) มีข้อมูลสั้นๆ มักจะมีตัวเลขเป็นส่วนประกอบสำคัญ ได้แก่ สถิติ กราฟ ตาราง ตลอดจนข้อมูลดิบในทางวิทยาศาสตร์ ข้อมูลอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ข้อมูลประชากร ปริมาณการผลิตสินค้า ราคาผลผลิต การขาย รายได้ประชาชาติ การเงินการธนาคาร เป็นต้น
2. ฐานข้อมูลบรรณานุกรม (Bibliographic Database) มีข้อมูลชื่อเอกสาร และข้อมูลอื่นๆ ที่บ่งชี้ให้เห็นว่าเป็นเอกสารชิ้นนั้น อาจจะมีสาระสังเขป (Abstract) ด้วย ตัวอย่างเช่น ฐานข้อมูลรายการวัสดุสารสนเทศของห้องสมุด ฐานข้อมูล DAO เป็นต้น
3. ธนาคารข้อมูล (Data Bank) มีข้อมูลสั้นๆ มักจะมีตัวเลขเป็นส่วนประกอบสำคัญ ได้แก่ สถิติ กราฟ ตาราง ตลอดจนข้อมูลดิบในทางวิทยาศาสตร์ ข้อมูลอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ข้อมูลประชากร ปริมาณการผลิตสินค้า ราคาผลผลิต การขาย รายได้ประชาชาติ การเงินการธนาคาร เป็นต้น
1. ฐานข้อมูลสำเร็จรูปในรูปแบบซีดีรอม (CD-ROM) เป็นฐานข้อมูลที่สร้างขึ้นเพื่อคนทั่วไป เนื้อหาไม่ลึกจนเป็นวิชาการในระดับสูง นิยมบรรจุข้อมูลลงในแผ่นซีดีรอมออกจำหน่ายแทนวัสดุตีพิมพ์ เช่น พจนานุกรม สารานุกรม และหนังสือสารคดีที่ข้อเท็จจริงต่าง ๆ เป็นต้น
2. ฐานข้อมูลออนไลน์ (Online Database) หมายถึง ฐานข้อมูลใดๆ ที่ให้บริการโดยผ่านระบบออนไลน์ เช่น ฐานข้อมูลที่หน่วยงานหนึ่ง ๆ สร้างขึ้นเพื่อใช้ภายในหน่วยงานนั้น เช่น ฐานข้อมูลลูกค้าของธนาคาร ฐานข้อมูลการลงทะเบียน และฐานข้อมูลรายการวัสดุสารสนเทศของห้องสมุด เป็นต้น
ฐานข้อมูลออนไลน์ที่ควรรู้จัก
1. กลุ่มการแพทย์ วิทยาศาสตร์สุขภาพ การพยาบาล เช่น AIDSLINE, MEDLINE, TOXLINE, International Pharmaceutical Abstracts
2. กลุ่มวิทยาศาสตร์ เช่น Science Direct, Chemical Abstracts, Applied Science & Technology Plus, Life Science
3. กลุ่มวิศวกรรมไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ เช่น ACM, IEEE
4. กลุ่มเกษตรศาสตร์ เช่น AGRIS, AGRICOLA
5. กลุ่มธุรกิจ การบัญชี การจัดการ การตลาด การเงิน การประกันภัย เช่น ABI/Inform, Lexis/Nexis
6. กลุ่มสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ เช่น Sociofile, ERIC
7. กลุ่มที่มีเนื้อหาหลากหลายสาขา เช่น DAO Proquest, H.W. Wilson
การเลือกใช้ฐานข้อมูล
การเข้าใช้ฐานข้อมูลจำเป็นต้องรู้จักเลือกฐานข้อมูลให้เหมาะกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการ เพื่อการประหยัดทั้งเวลา ค่าใช้จ่าย และได้ผลการค้นจำนวนไม่มาก แต่ตรงกับความต้องการ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง ในการเลือกใช้ฐานข้อมูลควรพิจารณาด้านต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
1. ขอบเขตเนื้อหา ต้องทราบว่าฐานข้อมูลแต่ละฐานมีเนื้อหาเกี่ยวกับสาขาวิชาใด แล้วพิจารณาว่าตรงกับความต้องการหรือไม่
2. ปริมาณเนื้อหา มีมากพอ และอยู่ในรูปแบบที่ต้องการ ฐานข้อมูลที่มีขนาดเล็กเกินไปจะทำให้หาข้อมูลไม่พบ และต้องหาซ้ำหลายครั้งจากหลายฐานข้อมูล
3. เนื้อหาทันสมัย ฐานข้อมูลที่ดีจะมีการปรับปรุง คือ นำข้อมูลใหม่ๆ เข้าฐานข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ
4. คุณภาพของข้อมูล ควรมีการแจ้งให้ทราบถึงหน่วยงานที่รับผิดชอบในการจัดทำฐานข้อมูล และนโยบายในการการเลือกข้อมูลมาลงในฐานข้อมูล
5. เครื่องมือช่วยค้น พิจารณาว่าใช้ง่ายและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งมีคำแนะนำในการค้นที่เข้าใจง่าย
6. ค่าใช้จ่าย พิจารณาว่ามีความคุ้มค่ากับสารสนเทศที่ค้นได้
วิธีสืบค้นสารสนเทศจากฐานข้อมูล
1. เตรียมคำค้นไว้หลายๆ คำ คำค้นดังกล่าวควรมีความเฉพาะเจาะจงตรงกับเรื่องที่ต้องการค้น ควรเตรียมคำค้นที่เป็นคำพ้องความหมาย ( Synonyms ) ไว้หลายๆ คำ เพื่อป้องกันปัญหาค้นได้ผลลัพธ์จำนวนน้อย
2. ใช้คำค้นที่เฉพาะเจาะจงขึ้น ใช้ในกรณีที่ได้คำตอบมากเกินไป เช่น
เอดส์ - เอดส์ ป้องกัน - เอดส์ ป้องกัน ฟอกไต
กุ้ง - กุ้งกุลาดำ - กุ้งกุลาดำ เลี้ยง - กุ้งกุลาดำ เลี้ยง น้ำกร่อย

ภาพประกอบ การใช้คำค้นที่เฉพาะเจาะจง

ภาพประกอบ ตรรกะบูลีน
technology spending AND canada
กุ้งกุลาดำ เลี้ยง น้ำกร่อย (Google เพิ่ม AND อัตโนมัติ )
เครื่องแต่งกาย + ผู้หญิง
computer + graphic
3.2 OR ใช้เชื่อมคำที่มีแนวคิดเหมือนกันเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้แนวคิดใดแนวคิดหนึ่งที่ระบุไว้ ทำให้ได้เอกสารจำนวนเพิ่มขึ้น มีประโยชน์ในการค้นคำพ้องความหมาย (synonyms) และคำที่มีพจน์และกาลต่างกัน เช่น
personal computer OR pc
woman OR women OR lady OR ladies
เอดส์ OR ภูมิคุ้มกันบกพร่อง
สตรี OR ผู้หญิง
3.3 NOT ใช้เชื่อมคำค้นเพื่อให้ได้ผลการค้นที่ไม่มีเอกสารที่มีคำค้นที่ระบุไว้หลังคำว่า NOT เช่น
software not spreadsheets
(สตรี OR ผู้หญิง ) NOT เด็ก
libraries not schools หรือ libraries – schools
4. ใช้การตัดตัวสะกด (Truncation) คือ ใช้เครื่องหมายในการตัดคำ ( wildcards) ตามที่ฐานข้อมูลระบุ (เช่น * $ # ! และ ? ) ตัดตัวอักษรที่ต้นคำ กลางคำ หรือปลายคำ เช่น
library? = library administration, library automation, library service …
*compost = compost, cocompost, vermicompost …
การตัดตัวสะกดนี้ ใช้ได้ดีกับภาษาอังกฤษเนื่องจากแต่ละคำ จะมีรากศัพท์ที่ขยายไปสู่คำที่มีความหมายใกล้เคียงกัน ทั้งยังมีพจน์ กาล และการสะกดต่างกัน เช่น
รากศัพท์ child* = child, children, childhood, childish, childlike…
พจน์ wom*n = woman, women
กาล g*ve = give, gave
การสะกด cent?? = center, centre
5. ใช้การระบุในเขตข้อมูล ระบุความต้องการให้ชัดเจน แคบ ชี้ชัดที่สุด โดยเลือกระบุในเขตข้อมูล ( field ) หรือตัวเลือกที่ฐานข้อมูลนั้นๆ กำหนดให้ เช่น ปีพิมพ์ ภาษาของเอกสาร ชนิดของเอกสาร แหล่งที่มีคำนั้นปรากฏ

ภาพประกอบ การระบุความต้องการในเขตข้อมูล

ภาพประกอบ การใช้ศัพท์ควบคุมประเภทหัวเรื่อง
7. ใช้เทคนิคเฉพาะของฐานข้อมูลนั้น เช่น
7.1 การค้นแบบระบุตำแหน่ง ( Proximity search ) ซึ่งสามารถใช้ได้หลายลักษณะ
7.1.1 ADJ ( ย่อมาจาก adjacent) เป็นการเชื่อมคำค้นที่จะได้ผลลัพธ์ที่เฉพาะเจาะจงกว่าการใช้ AND โดยที่ผลการสืบค้นจะปรากฏคำทั้งสองอยู่ ในประโยคเดียวกัน และเรียงลำดับตามที่กำหนด เช่น Information ADJ Technology
7.1.2 NEAR เป็นการเชื่อมคำค้นที่ผลการสืบค้นจะปรากฏคำทั้งสองอยู่ห่างกันไม่เกินจำนวนคำที่กำหนดไว้ และไม่ต้องลำดับคำในผลการสืบค้น เช่น Information NEAR/3 Technology
7.2 การค้นทั้งวลีโดยใช้เครื่องหมายอัญประกาศ (“-” ) ใช้เมื่อต้องการค้นวลีที่เป็นชื่อเฉพาะ ประกอบด้วยคำหลายคำ และต้องเรียงลำดับตามนั้น เช่น ชื่อภาพยนตร์ ชื่อเพลง ชื่อสถานที่ การค้นทั้งวลี นี้จำเป็นอย่างยิ่งในการค้นวลีที่ประกอบด้วย คำที่ไม่ใช้ในการค้น (stop words, common words) จำนวนมาก เช่น “the king and i” คำที่ไม่ใช้ในการค้น คือ คำที่ปรากฏบ่อยๆ ในภาษาอังกฤษ ถ้าโปรแกรมสืบค้นต้องค้นคำเหล่านี้ทุกครั้งจะใช้เวลาในการค้นมาก ตัวอย่างของคำเหล่านี้ ได้แก่ a an the and or not to where from of on in I you we they it them เป็นต้น
7.1 การค้นแบบระบุตำแหน่ง ( Proximity search ) ซึ่งสามารถใช้ได้หลายลักษณะ
7.1.1 ADJ ( ย่อมาจาก adjacent) เป็นการเชื่อมคำค้นที่จะได้ผลลัพธ์ที่เฉพาะเจาะจงกว่าการใช้ AND โดยที่ผลการสืบค้นจะปรากฏคำทั้งสองอยู่ ในประโยคเดียวกัน และเรียงลำดับตามที่กำหนด เช่น Information ADJ Technology
7.1.2 NEAR เป็นการเชื่อมคำค้นที่ผลการสืบค้นจะปรากฏคำทั้งสองอยู่ห่างกันไม่เกินจำนวนคำที่กำหนดไว้ และไม่ต้องลำดับคำในผลการสืบค้น เช่น Information NEAR/3 Technology
7.2 การค้นทั้งวลีโดยใช้เครื่องหมายอัญประกาศ (“-” ) ใช้เมื่อต้องการค้นวลีที่เป็นชื่อเฉพาะ ประกอบด้วยคำหลายคำ และต้องเรียงลำดับตามนั้น เช่น ชื่อภาพยนตร์ ชื่อเพลง ชื่อสถานที่ การค้นทั้งวลี นี้จำเป็นอย่างยิ่งในการค้นวลีที่ประกอบด้วย คำที่ไม่ใช้ในการค้น (stop words, common words) จำนวนมาก เช่น “the king and i” คำที่ไม่ใช้ในการค้น คือ คำที่ปรากฏบ่อยๆ ในภาษาอังกฤษ ถ้าโปรแกรมสืบค้นต้องค้นคำเหล่านี้ทุกครั้งจะใช้เวลาในการค้นมาก ตัวอย่างของคำเหล่านี้ ได้แก่ a an the and or not to where from of on in I you we they it them เป็นต้น

ภาพประกอบ การค้นทั้งวลีโดยใช้เครื่องหมายอัญประกาศ
7.3 ฐานข้อมูลส่วนใหญ่จะไม่รับรู้ความแตกต่างระหว่างตัวพิมพ์ใหญ่และเล็ก (Case insensitive) แต่บางฐานข้อมูลออกแบบมาให้รับรู้ความแตกต่างนี้ ( Case insensitive) จึงระวังว่าต้องพิมพ์ตัวเชื่อมเป็นตัวพิมพ์ใหญ่เพื่อให้แตกต่างจากคำค้น 8. ถ้ายังไม่พบคำตอบที่ต้องการให้ลองค้นโดยใช้ คำที่มีความหมายกว้างขึ้น (BT = Broader term) ความหมายเกี่ยวข้องที่อาจนึกไม่ถึง (RT= Related term) และความหมายแคบกว่า (NT= Narrower term) คำที่เตรียมไว้ในครั้งแรกหรือศัพท์หลัก ดังตัวอย่างของ BT, RT และ NT ในรายการคำค้นแบบศัพท์สัมพันธ์ ( Thesaurus ) ![]() ภาพประกอบ ศัพท์สัมพันธ์ ( Thesaurus ) ขอบคุณข้อมูลจาก:http://elearning.msu.ac.th/ge/ge51/0012003/page09_01.html |